วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ประวัติและความป็นมา

ปรางค์ศรีเทพ
ความเป็นมาของเมืองศรีเทพ
เมื่อพ.ศ. 2447 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ จึงถือโอกาสสืบหาเมืองโบราณ พบว่าเมืองศรีเทพตั้งอยู่ในป่าแดงใกล้ภูเขาเมืองวิเชียรบุรี
พ.ศ. 2478 – 2480  ปีเดียวกับที่กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเมืองโบราณศรีเทพ ด๊อกเตอร์ควอริทซ์   เวลส์ ( Dr.Quaritch   Wales )  ได้เดินทางเข้ามาศึกษาและเสนอความคิดเห็นไว้ในบทความเรื่อง “The  Exploration  of  Sri  Deva  an  Ancient  City  in  Indoehina”  หนังสือ  Indian  Art  and  Letter  VO1.X  NO.11  ว่าเมืองศรีเทพเป็นเมืองของชาวอินเดียที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรฟูนัน  โดยอ้างถึงหลักฐานศิลาจารึก หมายเลยที่ K978 ที่กล่าวถึงการประดิษฐานเทวรูป  พระอิศวรของพระเจ้าภววรมัน และจากการศึกษาลักษณะสถาปัตยกรรม เวลส์ เสนอว่า ปรางค์ศรีเทพและปรางค์สองพี่น้องเป็นสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย  และให้ข้อสันนิษฐานว่าปรางค์ใหญ่หรือปรางค์ศรีเทพนั้นเป็นสถาปัตยกรรมรุ่นเก่ามีอายุราวพุทธศตวรรษที่  12 – 13
พ.ศ. 2505  หน่วยศิลปากรที่ 3  จังหวัดสุโขทัยทำการสำรวจขุดค้น ขุดแต่งทำผังและประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานบางแห่ง พร้อมทั้งทำการสำรวจถ้ำเขาถมอรัตน์ด้วย
พ.ศ. 2509  หน่วยศิลปากรที่ 3  จังหวัดสุโขทัย ได้ทำการสำรวจสภาพตัวเมืองและนำ
ศิวลึงค์ ระฆังหิน และเสาประดับกรอบประตูบางชิ้นไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย
พ.ศ. 2510  ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ   ดิศกุล  ทรงนำคณะนักศึกษาจากคณะโบราณคดีไปทำการขุดค้นที่ตำบลพุเตย  อำเภอวิเชียรบุรี และเดินทางสำรวจไปที่เมืองศรีเทพ ทรงพบเศียรเทวรูป พระนารายณ์สมหมวกกรงกระบอก (ซึ่งเป็นเศียรขององค์ที่สำเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาเมื่อ พ.ศ. 2447)
พ.ศ. 2517  หน่วยศิลปากรที่ 3  ได้เสนอโครงการทำการบูรณะขุดค้นเมืองโบราณแห่งนี้แต่ไม่สามารถดำเนินการได้
พ.ศ. 2518  ศาสตราจารย์ซอง  บอสเซลิเยร์  ( Prof.Jean   Boissliers ) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับงานประติมากรรมของสกุลช่างศรีเทพว่าได้รับอิทธิพลของแบบศิลปะทวารวดี  ศรีวิชัย  และเขมรผสมผสานกันแบบลพบุรี ส่วนด้านโบราณสถานนั้นเห็นว่าเป็นสิ่งก่อสร้างของเขมรโบราณอย่างแน่นอน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 เท่านั้น  ทั้งนี้เพราะมีการย่อมุมอย่างมากโดยเฉพาะที่มุมนอกทั้ง 4 ด้าน
พ.ศ. 2521  หน่วยศิลปากรที่ 3  จังหวัดสุโขทัย  ได้ทำการขุดหลุมทดสอบบริเวณเขาคลังใน 1 หลุม และบริเวณสระปรางค์ 1 ปรางค์
พ.ศ. 2522  รศ.อนุวิทย์   เจริญศุภกุล ให้ได้ข้อคิดเห็นว่าปรางค์ศรีเทพ และปรางค์สองพี่น้องควรจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 เท่านั้น เพราะเทคนิคการก่อสร้างเป็นแบบสกุลช่างเขมร 
พ.ศ. 2526  โครงการอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ได้ข้อสรุปว่า เมืองศรีเทพเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 10 – 11  ในระยะแรกมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรทวารถดีมากกว่าเจินลา และการขุดค้นหลักฐานการสร้างเขาคลังในมาจนกระทั้งหลักฐานของสมัยพุทธศตวรรษที่ 18  ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายที่ปรากฏหลักฐานพบว่าศรีเพทมีร่องรอยการอาศัยอย่างต่อเนื่องกันมามีหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงว่าเขาคลังในเป็นศาสนาสถานแรกเริ่ม ส่วนปรางค์ศรีเทพถูกสร้างหลังประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 – 18
พ.ศ. 2527 – 2529  ทางกรมศิลปากรได้ทำการจัดตั้งเมืองศรีเทพให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อนุญาตให้อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ เข้ามาทำการศึกษาสำรวจได้ และปัจจุบันได้เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้
ยังมีนิยายหรือตำนานชาวบ้านเกี่ยวกับ  เรื่องราวเมืองศรีเทพเล่าติดปากกันมาว่า  ที่บนเขาใกล้เคียง  มีฤๅษีสองตนสร้างกุฏิอยู่ที่ใกล้กัน  ตนหนึ่งชื่อ  “ตาไฟ”  อีกตนหนึ่งชื่อ  “ตาวัว”  ฤๅษีตาไฟมีลูกศิษย์เป็นลูกท้าวพระยาเมืองนั้น  วันหนึ่งฤๅษีตาไฟบอกกับลูกท้าวพระยาผู้เป็นลูกศิษย์ว่า  น้ำในบ่อที่อยู่ใกล้กัน  ใครได้อาบน้ำในบ่อก็จะตาย  ถ้าได้เอาน้ำอีกบ่อมารดก็จะฟื้นกลับเป็นขึ้นมาใหม่  ลูกท้าวพระยาไม่เชื่อ  พระฤๅษีตาไฟ  จึงตกลงจะทดสอบให้ดูแต่เอาคำมั่นสัญญาจากลูกท้าวพระยาว่า  เมื่อฤๅษีตาไฟต้องตายไปขาดความชื่อตรงไม่ทำตามสัญญา  กลับหนีไปเมืองเสีย  ไม่เอาน้ำมารดให้

กล่าวถึงฤๅษีตาวัวเคยไปมาหาสู่  กันกับฤๅษีตาไฟได้ผิดสังเกต  ไม่เห็นฤๅษีตาไฟมาเยี่ยมเยือนก็ออกมาตามเมื่อผ่าน  ไปบ่อน้ำที่ใครอาบก็ตายเห็นน้ำในบ่อเดือดก็รู้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นในที่สุดเอาน้ำอีกบ่อนึ่งมารดซากศพฤๅษีตาไฟฟื้นขึ้นมา  ฤๅษีตาไฟจึงเล่าเรื่องที่เป็นมาให้ฤๅษีตาวัวฟัง  แล้วว่าจะต้องแก้แค้นลงโทษรุนแรงให้ได้  ฤๅษีตาไฟก็ไม่ชื่อฟัง  เนรมิตเป็นวัวขึ้นหนึ่งตัว  เอายาพิษร้ายบรรจุเข้าไว้ในท้องวัว  แล้วปล่อยวัวกายสิทธิ์ให้เดินรอบ   เมืองถึงเจ็ดวัน  ทำเสียงร้องกึกก้องตลอดเวลา  เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาประตูเมือง  วัวก็ปราดวิ่งเข้าไปในประตูเมืองเสีย  ครั้นถึงวันที่เจ็ด  ท้าวพระเมืองนั้นก็รับสั่งให้เปิดประตูเมือง  วัวก็ปราดวิ่งเข้าไปในประตูเมืองได้  ขณะนั้นท้องวัวก็ได้ระเบิดออกมา  ไอพิษร้าย  ไหลออกมาทำร้ายคนในเมืองตายหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น